ใช้กระดาษกับเครื่องขึ้นรูปกล่องแบบไหนให้เหมาะสมกับสินค้า
ใช้กระดาษกับเครื่องขึ้นรูปกล่องแบบไหนให้เหมาะสมกับสินค้า
วัตถุดิบของการใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘กล่อง’ ซึ่งมักจะใช้ในกระบวนการผลิตต่าง ๆ คือ กระดาษ แต่การใช้กระดาษสำหรับบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าหลากหลายประเภทย่อมต้องมีการคัดสรรให้เหมาะสมต่อการใช้งานไปจนถึงการรักษาคุณภาพของสินค้า และยังเกี่ยวเนื่องกับการใช้เครื่องขึ้นรูปกล่องที่ต้องเลือกกระดาษและรูปแบบให้เหมาะกับเครื่องขึ้นรูปกล่องแต่ละประเภทด้วย ดังนั้นควรรู้จักและจำแนกประเภทกระดาษที่นิยมใช้ไปจนถึงคุณสมบัติของกระดาษแต่ละประเภทว่ามีลักษณะอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานประเภทใดบ้าง
1.กระดาษลูกฟูก
ถ้าเปรียบกระดาษลูกฟูกเป็นเพลงฮิตคงต้องขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ของชาร์ตการผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องมาตลอดเวลายาวนาน ด้วยคุณสมบัติที่ใคร ๆ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแข็งแรงมาก แต่น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายและขนส่งได้สะดวก ซึ่งส่วนประกอบของกระดาษลูกฟูกจะใช้กระดาษ 2 แผ่นเรียบประกบกันแต่คั่นกลางด้วยกระดาษลูกฟูกและจะมีความ 2 – 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงตามแต่การใช้งาน ทั้งนี้คุณสมบัติเรื่องความแข็งแรงของกระดาษลูกฟูกไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการออกแบบแต่อย่างใด เพราะสามารถเพิ่มลวดลายสวยงามได้ตามที่ต้องการ หรือถ้าต้องผลิตเป็นจำนวนมากด้วยการใช้เครื่องขึ้นรูปกล่องได้เช่นกัน
2.กระดาษแข็ง
ชื่อของกระดาษชนิดนี้ก็บอกอยู่แล้วว่าแข็งแรงและทนทานขนาดไหน แต่กระดาษแข็งก็ยังสามารถแยกย่อยได้อีก 2 ประเภทที่ใช้อยู่ในวงการบรรจุภัณฑ์ ได้แก่
- กระดาษแข็งแบบพับได้
แน่นอนว่าคุณสมบัติของกล่องกระดาษแข็งแบบพับได้ คือ สามารถขึ้นรูปได้จากกระดาษแผ่นราบเป็นรูปกล่องตามการออกแบบ แล้วเพิ่มความแน่นหนาด้วยการทากาวบริเวณขอบกล่องหรืออาจติดกาวไว้ที่บริเวณกล่องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกระดาษแข็งประเภทนี้ผลิตได้จากเครื่องขึ้นรูปกล่องที่ทำให้สะดวกรวดเร็วในการผลิตมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก และกระดาษแข็งแบบพับได้ก็มีทั้งแบบถาดและแบบท่อให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
- กระดาษแข็งแบบคงรูป
กล่องที่ผลิตจากกระดาษแข็งแบบคงรูปมักจะใช้กับกล่องประเภท กล่องไม้ขีดไฟหรือกล่องรองเท้า ซึ่งเป็นการขึ้นรูปหรือแปรรูปกล่องไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้การผลิตกล่องกระดาษด้วยกระดาษแข็งแบบคงรูปจะมีราคาสูงกว่ากระดาษแข็งแบบพับได้ แต่ราคาที่สูงกว่าก็มาพร้อมกับข้อดีที่ช่วยเรื่องความทนทานแข็งแรงและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าในกล่องได้เป็นอย่างดี
แม้กระดาษที่ยกตัวอย่างมาจะมีเพียง 2 ประเภทเท่านั้น แต่เป็นประเภทกระดาษที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและมีจำนวนการผลิตเพื่อสร้างสรรค์เป็นบรรจุภัณฑ์เป็นจำนวนมาก หากเลือกประเภทกระดาษได้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์แล้ว ก็เชื่อได้ว่าจะช่วยให้สินค้าที่จัดจำหน่ายสามารถเพิ่มมูลค่าและรักษาคุณภาพได้ดี