ประเมินกำลังการผลิตให้ดีก่อนคิดจะซื้อเครื่องแพ็คพาเลตแบบอัตโนมัติ
ถ้าคุณกำลังคิดจะเลือกซื้อเครื่องแพ็คพาเลตใหม่ซักเครื่องหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่จำเป็นและสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของคุณก็คือกำลังการผลิตของคุณ ในแต่ละวันคุณต้องการผลิตสินค้าเพื่อทำการแพ็คเกจด้วยแผ่นฟิล์มเท่าใด จากนั้นจึงพิจารณาต่อไปว่าเครื่องแพ็คพาเลตแบบใดที่เหมาะกับปริมาณงานของคุณเอง การประเมินศักยภาพการทำงานของธุรกิจคุณกับศักยภาพของเครื่องแพ็คพาเลตต้องสอดคล้องกัน หากคุณเลือกแบบที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่าปริมาณงานของคุณ ปัญหาในการผลิตย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
อย่าใจเร็วด่วนได้รีบซื้อ!! หลายธุรกิจที่ใช้การตัดสินใจอย่างเร่งด่วนเกินไป ในที่สุดก็จะเกิดปัญหาตามมาได้ คุณควรประเมินทุกอย่างให้รอบคอบรัดกุมที่สุด โดยเฉพาะในการประเมินกำลังการผลิตของคุณ ต้องมีข้อมูลที่ละเอียดเป็นรายวัน จากนั้นให้พิจารณาโดยใช้ปริมาณการผลิตสูงที่สุดเป็นเกณฑ์ เลือกเครื่องแพ็คพาเลตจากความเร็วในการผลิตแต่ละครั้งของการแพ็คแล้วหาว่าธุรกิจของคุณจำเป็นต้องใช้เครื่องจำนวนเท่าใดจึงจะเพียงพอต่อสินค้าของคุณ อย่าประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงเช่นคุณต้องการใช้เครื่องแพ็คพาเลตจำนวน 20 เครื่องกว่า ๆ เพราะที่คิดได้เป็นเศษเล็กน้อยจึงปัดทิ้ง อย่างนี้อาจส่งผลต่องานของคุณในระยะยาวได้ เพราะส่วนที่ขาดไปมันหมายถึงปริมาณสินค้าคงค้างของคุณที่จะสะสมไปเรื่อย ๆ และหากในกรณีที่มีบางเครื่องชำรุดขึ้นมาปริมาณงานที่ค้างของคุณก็จะสะสมมากขึ้นไปอีก จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักที่จะประเมินปริมาณงานเช่นนี้ โดยปกติแล้วเพื่อให้งานสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นนั้นคุณควรวางเผื่อไว้ราว ๆ 20 – 25% เช่นธุรกิจของคุณมีปริมาณงานที่ต้องการการใช้เครื่อง 100 เครื่อง คุณก็ควรสั่งเครื่องมาไว้ 120 – 125 เครื่องอย่างนี้เป็นต้น
แม้ว่าเครื่องแพ็คพาเลตอาจมีราคาค่อนข้างสูง แต่คุณลองพิจารณาดูว่าการซื้อเครื่องมาเผื่อไว้นั้นคุณสามารถที่จะวางแผนเดินเครื่องแบบหมุนเวียนกันไปเพื่อลดภาระการทำงานของเครื่อง อายุการใช้งานของเครื่องก็จะยาวนานขึ้น เมื่อมีบางเครื่องเกิดการชำรุดก็สามารถที่จะพักเครื่องแล้วทำงานด้วยเครื่องอื่นต่อไปได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ทำให้ปริมาณงานของคุณนั้นลดลงเลย รวมไปถึงในอนาคตหากคุณต้องการที่จะเพิ่มกำลังการผลิตก็สามารถที่จะทำได้เลย ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตอาจไม่ได้มาจากการตัดสินใจของคุณเองก็ได้ อาจมาจากลูกค้าที่ต้องการปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น คุณก็สามารถที่จะดำเนินการเพิ่มกำลังการผลิตได้ทันที ยิ่งการทำงานของคุณทันเวลา และมีความยืดหยุ่นในการส่งสินค้าได้มากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจของคุณเท่านั้น